วันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2553

Trip Phuket Zoo Alohaa

หลายท่านอาจจะยังไม่เคยทราบว่าจังหวัดภูเก็ตก็มี 'สวนสัตว์' - ตัวเราเองก็เพิ่งทราบเหมือนกันค่ะ ( - -)'' พอทราบว่ามี เลยไปเยี่ยมซะหน่อยดีกว่า ไปดูว่า"สวนสัตว์ภูเก็ต" จะมีอะไรน่าสนใจเหมือนสถานที่เที่ยวอื่นๆ ของภูเก็ตรึเปล่า

หลายท่านอาจะไม่ทราบว่ามี เพราะว่าไปทางไหนๆ ของภูเก็ต ไม่เคยเห็นป้ายบอกเลยว่า "Phuket Zoo" ไปทางไหน หรือตั้งอยู่ตรงไหน มักจะเป็นแต่ป้ายทางไปสนามบิน หาดป่าตอง แหลมพรมเทพ และที่อื่นๆ 

ค่าเข้าสวนสัตว์ คนไทย 100 บ. ต่างชาติ 500 บ. [แพงเว่อร์ - ราคาต่างกันลิบลับ]

ไปถึงก็ตั้งใจไปดูการแสดง Monkey Show ก่อนเลย อิอิ วันนึงมีการแสดงหลายรอบเหมือนกันนะคะ - ส่วนไอ้เจ้าหน้าบึ้งข้างบนหน้า กำลังยืนรอให้สาวๆ มาถ่ายรูปด้วย [มันจะรู้ตัวมั้ยว่าค่าตัวมันก็ไม่ใช่ถูกๆ นะ รูปเดียวได้ตั้ง 200 แน่ะ]

การแสดงของลิง น่าร๊ากกก ฉลาด แสนรู้ เข้าใจเล่นกับคนดู - ฝรั่ง คนไทย ชอบใจกันใหญ่ ปรบมือออ~



แต่แอบคิดว่า มันโดนฝึกมาแบบนี้จนมันเคยชิน จนลืมพฤติกรรมสันดาบดิบของสัตว์ไปรึเปล่า - อย่างลิงพวกนี้แค่ให้ยืนเฉยๆ ยังยืนไม่เป็นเลย พอยืนปุ๊บ พอยท์เท้าถ่ายแบบทันที  [แร่ดมาก ฮ่าๆ] ไอ้ตัวนี้ก็จับนั่งไม่ได้ ไขว่ห้าง เชิดหน้าทันที - แล้วทำแบบนี้ทุกวัน วันละหลายๆ รอบ สคริปเดิมๆ นี่ เบื่อมั่งรึป่าว

จบการแสดงโชว์ของลิง ก็มีการแสดงโชว์จระเข้ต่อค่ะ - แต่อันนี้ไม่ได้เข้าไปดู กลัว ( - -)'' ไปดูสัตว์อื่นๆ มั่ง เรามาเที่ยวสวนสัตว์นะ ไม่ได้มาดูโชว์อย่างเดียว - แต่พอได้เดินๆ ดู ถึงได้เข้าใจแหละว่าทำไมคนถึงไม่ค่อยเดินดูสัตว์อื่นๆ ในกรง เพราะว่าสถานี่ไม่อำนวยอย่างแรง พื้นที่ค่อนข้างจะสกปรก สัตว์ไม่ค่อยได้รับการดูแลเท่าที่ควร กรงสัตว์หรืออาหารก็ดูไม่ค่อยถูกสุขลักษณะ แถมมีกลิ่นด้วย เหมือนไม่ค่อยได้ทำความสะอาดเท่าไหร่
อาหารที่ตั้งไว้หน้ากรง เพื่อให้คนดูป้อนให้สัตว์ ถุงละ 20 บาท ยังเน่าเสีย แมงวันตอมกันหึ่งเลย - แล้วใครจะไปกล้าซื้อให้สัตว์กิน - เห็นแล้วสงสารมันอ่ะ [วิญญาณนางงามเข้าสิง นอกจากรักเด็กแล้ว ยังรักสัตว์อีกด้วย]

ดูสัตว์แล้วเศร้า ไม่เจริญหูเจริญตาเท่าไหร่ หันไปดูดอกไม้ล้างตาดีกว่า
ในสวนสัตว์แห่งนี้ก็มี Aquarium ด้วยนะคะ คุณต้องเดินเข้าทางปากจระเข้ [ขนาดรู้ว่ามันเป็นของปลอม ยังอุตส่าห์กลัวว่ามันจะงาบลงท้องซะอีก] - แต่พอเข้าไป ขอโทษเถอะค่ะ นี่มัน Aquarium หรือบ้านผีสิง น่ากลัวโคตร เงียบ มืด วังเวง ไร้ซึ่งมนุษย์ และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ นอกจากปลาในตู้ และสัตว์หน้าตาแปลกประหลาดทั้งหลาย - หูยยย เข้าไปแล้วแทบจะหันหลังกลับ ขนาดเข้าไปสองคน ยังวังเวงเลยคู้นน - อุตส่าห์ข่มใจเดินขึ้นไปชั้นสอง เห็นประตูทางออกอยู่แว้บๆ หันขวาไปเห็นตัวอีน่ากัว เอ้ยย อีกัวน่า หลอนเข้าไปอีก [อีกัวน่าที่ไหน เค้าเอามาเก็บไว้ใน aquarium ว่ะเฮ้ย] - รีบไปกันเหอะพี่

โอ่ยย ร้อนๆ แวะกินไอติมกันมั้ย - เข้าไปเห็นไอติมวอลล์ ยักษ์คู่ 20 บาท คอร์นเนตโต 40 บาท แสรดด แพงเว่อ - ไม่ทราบว่าเค้าเก็บค่าเข้าเท่าไหร่คะ ไอ้ไอติมเนี่ยย แพงแสรดด

โชว์จระเข้จบไป ก่อนจะมีการแสดงโชว์ช้างต่อ - แว้บเข้าไปดูจระเข้หน่อยนึง แต่ละตัวนอนทำตัวเป็นขอนลอยเชียว ไม่กระดุกกระดิก บางตัวนอนจนตะไคร่จับเป็นเขียวๆ เลย - ชวนสงสัยมากกว่า ไอ่ตัวนี้มันตายไปแล้ว หรือมันยังมีชีวิตอยู่ ทำไมนอนนิ่งขนาดตะไคร่น้ำเกาะเลยอ่ะ!

และแล้วช้างไทยก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง โชว์การแสดง และความสามารถได้เก่งจริงๆ ทั้งเตะบอลเข้าโกล ปั่นจักรยาน เล่นยิมนาสติก วาดรูป ขโมยกล้วย และแด๊นซ์ประกอบจังหวะ [เริ่ด]

แต่พอการแสดงจบ ก็โดนจับไปล่ามโซ่เหมือนกัน  ทำไม ไม่จัดสถานที่โล่งๆ กว้างๆ ให้มันหน่อยอ่ะ เค้าจะได้รู้สึกมีพื้นที่ในการเต้นหน่อย นี่ช้างบางตัวแบบเต้นตามเพลงอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่สามารถเดินไปไหนได้ไกล ได้แค่ 2-3 ก้าวก็ติดโซ่ที่ล่ามไว้ซะแล้ว

ก่อนกลับก็ขอเดินชมสัตว์อื่นๆ บ้าง ซึ่งมีไม่ค่อยมากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นพวกนกซะมากกว่า - อีกอย่างคือ ป้ายที่แสดง หรือบอกชื่อ บอกรายละเอียดของสัตว์นั้นๆ ก็แทบจะไม่มี อันที่มีตัวหนังสือก็จาง ๆ เก่าๆ แทบจะมองไม่เห็น - สัตว์บางตัวก็น่าเศร้ามาก ขนร่วงจนแทบจะไม่มี ดูขี้เรื้อนๆ ยังไงไม่รู้ เหมือนนกกระจอกเทศบางตัว ขนนี่หลุดร่วงจนเห็นผิวหนังเลย นกยูงบางตัวเวลารำแพน ก็เห็นปีกร่วงๆ หักๆ - สัตว์ที่เป็นโรค หรือไม่สมประกอบบางตัว น่าจะเอาไปรักษาให้ดีก่อนนะคะ แล้วค่อยเอามาไว้ในกรงแบบนี้ สงสารมัน

เดินออกมาแล้ว ไม่ค่อยรู้สึกสนุกเท่าไหร่ หรือมัวแต่คิดสงสารสัตว์อยู่ก็ไม่รู้ ทั้งๆ ที่รู้ว่าสวนสัตว์ก็ต้องเจออย่างนี้ แต่อย่างน้อย เอามันมาโชว์ มาทำประโยชน์แบบนี้แล้วก็น่าจะดูแล รักษาให้มันดีๆ หน่อย - เก็บค่าเข้าตั้งแพง ก็น่าจะเอาไปจัดการดูแลสัตว์บ้าง ถ้าไม่มีพวกโชว์ต่างๆ เข้ามาช่วย อาจจะไม่มีใครสนใจสวนสัตว์นี้เลยด้วยซ้ำ

อาจจะเป็นเพราะภูเก็ตมีสถานท่องเที่ยวน่าสนใจอื่นๆ อยู่มากมาย คนเลยไม่ค่อยให้ความสนใจกับสวนสัตว์ ซึ่งมันมีอยู่ทั่วไปเกือบทุกจังหวัด - แต่เราว่าถ้าลองพัฒนา และปรับปรุงให้ดีกว่านี้ สวนสัตว์แห่งนี้ก็อาจจะกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญเหมือนที่อื่นๆ ของภูเก็ตได้เหมือนกัน เพราะเท่าที่สังเกตฝรั่งก็เข้ามาชมกันเยอะอยู่ เยอะกว่าคนไทยซะอีก  [ถึงค่าเข้าจะโหดไปหน่อยก็ตาม ถ้าเทียบกับราคาคนไทย]

วันอังคารที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เกาะยาว | กว่า | ชิืลล์กันยาวกว่า...................

ตื่นตอนเช้ากินข้าวเสร็จ กะว่าจะขึ้นเรือซักช่วงบ่าย - ช่วงเช้านี้แทนที่จะนอนแช่อยู่กับบ้าน จับรถมอไซค์ซิ่งให้รอบเกาะ (อีกซัก)รอบนึง เผื่อจะพลาดตรงไหนในเกาะแห่งนี้ไปบ้าง

แต่ถึงจะมุมเดียวกัน สถานที่เดียวกัน แต่เวลาต่างกัน มันก็ย่อมให้ความรู้สึกแตกต่างกันชิมิคะ - อย่างตอนเย็นน้ำขึ้น ตอนเช้าน้ำลง ทำให้เห็นพื้นทรายที่อยู่ใต้น้ำได้ชัดเจนขึ้น - เพื่อไม่ให้เสียเวลา บึ่งออกจากบ้านโลดคร่า

เส้นทางแบบนี้เป็นอะไรที่น่าขับมอไซค์ไปเรื่อยๆ มากค่ะ ร่มรื่น เย็นสบาย

รอบนี้เจอซอยไหน ป้ายไหน แยกไหนให้เลี้ยว เลี้ยวเข้าไปโลด ไปแล้วหลงก็ไปต่อเว้ยย แล้วมันก็จะทะลุหาทางออกเจอเอง 555+ [ทฤษฎี นี้ใช้ได้แค่บนเกาะเล็กๆ แห่งนี้เท่านั้น อย่าได้ไปทำตัวเก่งกาจอาจหาญ ถึงไหนถึงกันแบบนี้ที่ไหนค่ะ ไม่แนะนำ ไม่งั้นอาจะกลับบ้านไม่ถูก เหอๆ]

ขับผ่านมาตั้งแต่ทะเล ภูเขา จนกระทั่งทุ่งนา และป่าชายเลน ^^

น้องคนนี้กำลังงมหอยอยู่ดีๆ อิพี่คนนี้มายืนส่องกล้องตรูทำไมฟร่ะ ?! เหอๆ - พี่จะบอกว่า พี่หลงค่ะน้อง เพราะทางที่ผ่านมา ไม่มีมนุษย์ซักผู้คนผ่านมาให้พี่เห็นหน้า มีแต่ถนนมีเป็นความหวังให้กับพี่อยู่ว่ามันต้องมีทางออกให้พี่อยู่ข้างหน้า - แล้วพี่ก็มาเจอน้องนี่แหละค่ะ เฮ้อ! แสดงว่าตรูยังไม่หลุดโลกไปไหน อิอิ


เจอแล้ว! แยกแห่งความหวัง กลับบ้านถูกแล้วตรู เย้~

กลับถึงบ้านแล้ว ใช้ระยะเวลาทั้ง่หมด 2 ชั่วโมงเต็ม ในการพยายามตระเวนให้รอบเกาะ (^^)V


กลับถึงบ้านพักแล้วขอส่องมาโครซะหน่อย - มาโคร 1 cm' สำหรับกล้องดิจิตอลราคา 3 พันบาท [รอบนี้ขี้เกียจแบกกล้องใหญ่ เลยเอาเล็ก ๆ ไปพอ] อืม คุ้มจริงๆ หุหุ

กินข้าวอีกซักมื้อนึงก่อนกลับบ้านจริง ๆ [กินอย่างเดียวค่ะงานนี้ เดี๋ยวกินเดี๋ยวกินจริงๆ เฮ้อ อิ่มม]

การนั่งเรือกลับภูเก็ตรอบนี้ ชวนนึกถึงครั้งก่อนมากๆ - จำได้ว่าครั้งก่อนพายุเข้าอย่างหนัก คลื่นอย่างแรง เรือโคลงเคลงสุดฤทธิ์ หวิดๆ จะไม่ถึงฝั่งไปตลอดทาง แต่รอบนี้คลื่นราบเรียบ ทะเลสงบมาก นั่งเรือด้วยความสบายใจ อากาศดี อารมณ์ดี บนเรือก็คนน้อยยย นั่งหน้าสู้ลม ผมสู้แดด พร้อมกับสายน้ำที่สาดกระเซ็นมาโดนตัวไปเรื่อย ๆ - สบายจังเลยค่ะ

แนะนำสำหรับคนที่จะมาเที่ยวเกาะยาวน้อยนะคะ ^^ ควรจะมากันเป็นกลุ่มๆ แบบ 3-4 คนขึ้นไป จะได้แบ่งเบาภาระในการเหมาเรือหางยาว ออกไปเที่ยวตามเกาะแก่งต่างๆ ค่ะ เพราะที่นี่ไม่มี one day trip เลยค่ะ ต้องเช่าเหมาลำกันอย่างเดียวกันเรย ซึ่งถ้าไปคนเดียวแบบอิชั้น คาดว่าคงต้องนอนอืดอยู่ที่บ้าน และได้แค่เที่ยวรอบเกาะแค่นั้นล่ะค่ะ - [นี่คือข้อเสียของการเที่ยวคนเดียว ที่ปฎิเสธไม่ลงจริงๆ]

วันศุกร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เกาะยาว ชิลล์กันยาวววววววววววววววววววววววววว

ไปเกาะยาว......ครั้งนี้ก็เหมือนเดิมค่ะ นึกจะไปก็ไป ไม่ได้คิดหรือตระเตรียมอะไรเช่นเคยย หยิบหนังสือไปหนึ่งเล่ม ชุดนอนไปหนึ่งชุด แต่ใจที่ไม่ได้คาดหวังความสนุกอะไรไว้มากมาย แค่ขอไปชิวชิว พักผ่อนๆ กินอิ่ม นอนหลับเป็นพอ - และหวังว่าฝนจะไม่ตกอีกนะ !

มาดูเพื่อนร่วมทางบนเรือก่อนค่ะ - ช่วงนี้เสน่ห์แรงกับเด็กมากมาย กลับบ้านรอบที่แล้ว ก็มีเด็กผู้ชาย 5 ขวบจ้องหน้า จนจะขอตามกลับบ้าน ( - -)'' , สงสารน้องอ่ะ อุตส่าห์แอบให้ลูกอม แต่โดนพ่อแม่จับได้ ไม่ให้น้องกินของหวาน เลยโดนยึด ร้องไห้จ้าลั่นเรือเลย เหอ เหอ

บ้านที่ไปพักเป็นบ้านโฮมเสตย์ ของกลุ่มโฮมสเตย์บนเกาะยาวน้อย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบ้านของชาวมุสลิม และมีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ใจดี รู้สึกเหมือนอยู่บ้านตัวเองกันเลยทีเดียว ประเดี๋ยวกิน ประเดี๋ยวกิน เหอๆ - ตรงนี้แหละที่ชอบสุด ๆ

ในที่สุดความหวังของเราก็สำเร็จ มาถึงมื้อแรก ก็ได้กินปูสด ๆ หวาน ๆ สมความตั้งใจ อร๊ายยย แกะปูแงะเปลือกกันสุดฤทธิ์ แต่ไม่กล้าถ่ายรูป เหอๆ เพราะไปคนเดียว แล้วกินพร้อม ๆ กับเจ้าของบ้าน จะมานั่งถ่ายรูปของกินก็นะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เคยพบเคยเห็น  - อันนี้ไปแอบถ่ายมาใต้ฝาชี หลังจากเจ้าบ้านหายย ฮ่าฮ่า

มาถึงด้วยความที่ตั้งใจมานอนเล่นชิลด์ๆ อยู่แล้ว กินเสร็จ ก็นอนอ่านหนังสือ ผึ่งพุงที่ใต้ถุนบ้าน จนหลับไปหนึ่งคร่อก  จน เจ้าบ้านถามว่า ไม่ออกไปไหนเหรอลูก หรือกะจะมานอนอย่างเดียว เหอ เหอ - ถ้าจะไป ก็สามารถใช้มอไซค์ของเจ้าของบ้านไปได้เลยค่ะ - อ๊ะ เพื่อไม่ให้เป็นการน่าเกลียด แสดงความขี้เกียจ(ของเรา) จนเกินไป ก็ไปรอบเกาะซะหน่อยจะเป็นไรไป - เป็นการแก้ตัวรอบที่แล้วด้วย รอบที่แล้วมัวแต่หลบฝน เลยไม่ได้เห็นวิวสวย ๆ บนเกาะเลย ตามมาค่ะ ซ้อนท้าย เกาะล้อ ขี่หลังกันมาตามสบายเรยย ~

ถนนจะเป็นเส้นทางรอบเกาะอยู่แล้วค่ะ ขับไปเรื่อย ๆ ชิว ๆ ลมเย็นสบาย แวะได้ตลอดทาง

 เส้นทางรอบเกาะก็จะมีหาดไปตลอดเส้นทางค่ะ และจะพบเจอวิถึชีวิตของชาวประมงได้ตลอดทางเช่นกัน เนื่องจากอาชีพหลักของคนบนเกาะยาวคือ กรีดยาง และหาปลา ไปทางไหน ๆ เลยเจอแต่เรือประมง หึหึ

เริ่มตั้งแต่หาดป่าทราย หาดคลองจาก หาดท่าเขา บางหาดก็เต็มไปด้วยเรือประมง บางหาดก็เหมาะสำหรับเล่นน้ำ ช่วงวันหยุดแบบนี้ยังถือว่าเงียบเลยค่ะ บรรยากาศเลยเรื่อย ๆ สบาย ๆ อารมณ์เย็น ๆ

เกาะยาว เป็นเกาะที่อยู่ในพื้นที่ของจังหวัดพังงา แต่แปลกที่มันกลับไปใกล้ภูเก็ต และกระบี่มากกว่า - เห็นชาวบ้านบอกว่า ถ้าจะเข้าเมือง คนเลือกที่จะไปกระบี่ กับภูเก็ตมากกว่าจะไปพังงา เพราะพังงาอยู่ไกล และค่าเรือแพงกว่า แต่ตัวเกาะกลับสังกัดอยู่จังหวัดพังงาเสียนี่ - เกาะที่เห็นอยู่ลิบ ๆ ที่เรียงรายกันอยู่ ซึ่งสามารถมองเห็นได้จากเกาะยาว นั่นคือเกาะของจังหวัดกระบี่แล้วค่ะ ใกล้นิดเดียวเองเนอะ

ขี่ไปขี่มาเพลิน ๆ จนใกล้จะเย็นแล้ว เลยวนมาที่ท่าเรืออีกแป๊บนึง เพราะตอนแรกที่มาถึงยังไม่ได้เก็บภาพอะไรเลย ท่าเรือมาเนาะ ของเกาะยาวน้อย ยังคงมีวิวที่สวยงามอยู่ตลอดเวลา [จำได้ว่ามาครั้งที่แล้ว แค่เห็นท่าเรือก็พอใจแระ ฮ่าฮ่า]

วันพฤหัสบดีที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ตะลุย ปางอุ๋ง แม่ฮ่องสอน

หลังจากซิ่งที่ปายจนครบ 3 วัน 2 คืนหนำใจแล้ว เราก็ตัดสินใจไปตะลุยปางอุ๋งต่อ ทั้งๆ ที่ไม่เคยไป และไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันไปยังไงวะ เหอๆ กางแผนที่ แล้วก็อาศัยถามคนที่ท่ารถไปเรื่อย - เรานั่งรถเมล์จากปายไปลงแม่ฮ่องสอน พอไปถึงท่ารถที่ตัวเมืองแม่ฮ่องสอน สิ่งแรกที่เราสองคนมองหาคือ "ร้านเช่ามอ'ไซค์" งานนี้ไปยังไงไม่รู้ แต่เช่ามอไซค์ไว้ก่อน กะว่าถ้าไม่ได้เรื่องยังไง ก็จะนอนที่แม่ฮ่องสอนซักคืนหนึ่ง [รอบนี้เวลาเหลือเฟือค่ะ ลามาทั้งอาทิตย์เลย หุหุ]

           เราเดินหาร้านเช่ามอไซค์ที่ไม่ไกลจาก บขส.นัก แล้วก็ถามเค้าว่า "พี่ๆ ถ้าพวกหนูจะไปปางอุ๋งนี่ ไปไกลมะ ขับมอไซค์ไปถึงป่าว" เค้าก็บอกว่า "อ๋อ ขับมอไซค์ไปได้เลยนี่ ไม่ไกล ไปตามเส้นทางเลย มีป้ายบอกตลอด บลาๆๆ" เอาล่ะเว้ย พี่บอกไม่ไกลใช่มะ นี่มันก็เที่ยงแล้ว ยังมีเวลาเหลือเฟือ  เลยกางแผนที่ แล้วกะดูเส้นทางท่องเที่ยวไปตลอดเส้นทาง กะว่ามีที่เที่ยวที่ไหน จะแวะให้ครบทุกจุดเลย หุหุ

           ระหว่างทาง เราก็แวะ น้ำตกแม่สุรินทร์ - เข้าไปทางปากทางถนนหลักแค่ 7 กิโล แต่สูงชันป่าต้นไม้ทึบใช้ได้ แต่ไปถึงปรากดว่าเจอแค่ที่ทำการอุทยาน [แวะไปปั๊มตรา แล้วก็กลับ] เพราะตัวน้ำตกนั้นต้องไปอีกกี่กิโลกว่า จำไม่ได้แต่ รู้แต่ว่าอีกไกล ( - -)'' [แล้วตรงทางเข้ามันจะบอกทำเพื่อ....? ว่า 7 กิโลเนี่ย]

             ถอยหลังกลับมาที่ถนนหลัก มุ่งหน้าปางอุ๋งกันต่อค่ะ ตอนแรกขับไปเรื่อยๆ ชิวๆ อากาศดี สบายๆ มาก แต่พอเริ่มแยกออกจากถนนใหญ่เนี่ย หูยยยยย พี่น้อง ทำไมมันวนวน ซับซ้อน ยอกย้อน ถนนมันสูงชันงี้วะ [เป็นอันตรายต่อการขับมอไซค์ที่ไม่ค่อยจะเซียนองเราเลย] แล้วไปกันสองคน สองคันนี่ ไม่ได้ช่วยไรเลยค่ะ ตัวใครตัวมัน พี่ลิงนี่ก็ซิ่งไม่ดูน้องเลยยย ซิ่งกันจนทิ้งห่างซักพัก หันหลังกลับมาดู เห้ยย มันไปล้มอยู่ตรงไหนป่าวว่ะ ทิ้งช่วงคอยกันอีกซักพัก ถึงได้พูดกันว่า "พี่ เราคิดถูกกันป่าววะเนี่ยย เมื่อไหร่จะถึง"

            ระหว่างทางก็จะมีที่เที่ยวหลายจุด เช่น น้ำตกผาเสื่อ บ่อโคลน และหมู่บ้านชาวเขามากมาย - แวะดูวิวเรื่อยๆ ถ่ายรูปเรื่อยๆ ไม่รีบ [เพราะคิดว่าคงไม่ไกลมาก] เราก็ไม่ได้สังเกตนะว่า "เออ ทำไมเงียบจังวะ ไม่ค่อยมีคนเลยวุ้ย ไม่มีนักท่องเที่ยวสวนไปสวนมาเลยว่ะ" จนแวะกินข้าว ชาวบ้านถามว่า "จะไปไหนกัน" พอตอบว่า "จะขึ้นไปปางอุ๋ง" ชาวบ้านแบบ "หูยยย อีกไกลนะ แล้วนี่ขี่มอไซค์มาเหรอ" หน้าเริ่มเสียแล้ว "ค่ะ มากันสองคน แล้วอีกไกลเลยเหรอคะ เห็นไม่ค่อยมีคนเลย" เค้าบอก "ช่วงนี้ไม่มีใครมาเที่ยวกันหรอก เค้าจะมาตอนกันหน้าหนาวนู่น" เอ่อ.............

          แต่ไหนๆ ก็มาแล้ว จองที่พักไว้หมดแล้ว ทำไงได้ เราต้องไปให้ถึง สู้เว้ยยย!! [แต่แอบหวั่นนะนั่น] - ขับมาประมาณ 4 ชั่วโมง[นับตั้งแต่ในตัวเมือง] - เฮ้ย เจอป้ายเข้าโครงการในพระราชดำรัสปางตอง 2 แล้ว อ๊ายย อีก 7 กิโลๆ - แต่พอเข้าไป จ๊ากกกกกกกก นี่เหรอ 7 กิโลที่ว่า ทางมันชันมากกกก แบบแหงนหน้าขึ้นมองแล้วซับเหงื่อซักรอบ ถึงจะทำใจขึ้นไปได้ ยิ่งขึ้นยิ่งสูง ก็ยังดั้นด้นไปอีก จนสุดเขตทางหลวง [คือสุดเส้นทางลาดยางแล้ว ต่อไปก็ตามยถากรรมละพี่น้อง] เอาล่ะเว้ย มองหน้ากันด้วยความมั่นใจ กะว่าคงอีกไม่ไกล แต่ก็ไม่ไกลจริงๆ ด้วย ทุลักทุเลไปแป๊บเดียว ก็ถึงหมู่บ้านแล้ว เย้!

           แต่.........."รีสอร์ทที่จองไว้นั่นน่ะ มันอยู่อีกหมู่บ้านนึง คือหมู่บ้านรักษ์ไทย ต้องออกไปถนนหลัก แล้วไปต่ออีก 7 กิโล" จ๊ากกกกกกกกก เฮ้ยๆๆ จริงเหรอ เอาไงวะ ให้ขับทางเมื่อกี้นี้ลงไปอีก 7 กิโล แล้วไปต่ออีก 7 กิโลเนี่ยนะ (O_o)
[นี่คือโทษของการหาข้อมูลไม่แน่นพอ ประกอบกับการเที่ยวแบบไม่วางแผนให้รอบครอบ ]
          หรือเราจะหาที่พักที่นี่อ่ะพี่ จุดหมายของเราคือปางอุ๋งนะ [ตอนนั้นยังไม่รู้ตัวว่า ที่มึงยืนอยู่นั่นน่ะ เข้าไปอีกคืบเดียวก็คือจุดหมายแล้ว] งั้นเอาไง ไปต่อมะ ..... ไปก็ไปวะ จองไว้แล้ว โทรไปยกเลิกก็ไม่ได้ - ณ ขณะนั้นเวลา 17.30 นาที จะค่ำแล้ว ยังหาที่พักไม่เจออีก

               เราจอง "บ้านต้าเหล้าซือ รีสอร์ท" ไว้ค่ะ เผื่อใครเคยจะไป จะได้รู้ว่ามันอยู่คนละหมู่บ้านกับปางอุ๋งนะ ( - -)'' แต่พอไปถึงที่พัก [โชคดีหน่อยที่พักหาง่าย พอขับเข้าหมู่บ้านก็เจอเลย] ก็โอเคเลยค่ะ บรรยากาศดีเลย เงียบดี ไม่มีนักท่องเที่ยวเลยแม้แต่ซักคน เหอๆๆ เลือกนอนที่ไหน หลังไหนก็ได้ตามสบาย เหอๆ - หมู่บ้านรักษ์ไทยนี้จะเป็นหมู่บ้านชาวจีนภูเขาค่ะ ก่อนจะมืด ก็ได้ชมวิวอีกซักเล็กน้อยย งดงาม มีแองน้ำกว้างๆ กลางหมู่บ้าน สวยเลยค่ะ ^^

               พอตกกลางคืน อาบน้ำไรเสร็จ อากาศเริ่มเย็นๆ [แต่น้ำเย็นมากกก] มันคงเย็นตลอดปี นั่งมองดาว มองหน้ากัน แล้วคิดขึ้นมาว่า "เอ่อ พี่ พรุ่งนี้เราจะลงไปยังไงอ่ะ กลัว" ณ ตอนนั้นกลัวจริงๆ ค่ะ คือขึ้นมาถึงนี่ได้นี่ก็มาแบบขาสั้นๆ อ่ะ คิดถึงตอนลงแล้ว สั่นกว่าเดิมอีก  ช่างมัน นอนก่อน ตอนเช้าค่อยว่ากัน เอาไงเอาตามกันเว้ย ~

              ตื่นเช้ามาก็กะว่าจะลงกลับกรุงเทพฯกันวันนี้เลย คิดว่าคืนเดียวคงพอแล้ว [เรื่องหลับสบายมั้ยนั่น อย่าถาม ไม่มีใครสนใครกันแล้ว หลับเป็นตาย เหอๆ] แต่เรายังติดที่ว่า "ยังไม่ถึงปางอุ๋งเลยอ่ะ ยังไม่เห็นไอ้ศาลาๆ ที่เค้าชอบไปถ่ายรูปกันเลยนะ" , "แล้วเอ็งจะลองเข้าไปอีกมั้ยอ่ะ 7 กิโลนั้นอ่ะ" , "ไหนๆ ก็มาแล้ว อีกซักรอบมั้ยพี่" , "เออ เอาไงเอากัน" [ใจง่ายกันมาก อีสองคนนี้ ไม่มีใครคอยขัดกันเล้ยยย] สรุปเราออกจากรีสอร์ทตั้งแต่ 9 โมงเช้า ย้อนกลับมาทางเดิม แล้วตัดสินใจ ขับมอไซค์ขึ้นลงเขา [ที่เราผ่านกันมาแล้วเมื่อวาน] ไปอีกรอบ

                และแล้วเราก็มาจอดที่เดิม ที่เรายืนงงกันเมื่อวาน แต่รอบนี้ไม่ได้ถามใคร ตัดสินใจเลี้ยวเข้าไปในโครงการ เลี้ยวขวับเดียว เจอเลย - "เฮ้ย นี่ไง ปางอุ๋ง ที่เค้าชอบมาถ่ายรูปกันอ่ะ มันอยู่แค่นี้ แล้วทำไมเมื่อวานเราไม่เลี้ยวเข้ามาวะ นิดเดียวเอง" [คือนิดเดียวจริงๆ แค่โค้งกั้น ( - -)''] ทำไรไม่ได้แล้วก็ขำกัน ฮาๆๆๆๆ ๕๕๕๕

                ปางอุ๋ง ณ ตอนหน้าฝนนี่ เงียบมากก น้ำสงบนิ่ง ทุกอย่างเป็นสีเขียว หน้าสีเหลือง ไม่มีผู้คน ไม่มีนักท่องเที่ยว เหมือนทุกอย่างหยุดนิ่ง [แต่มีอิสองคนนี้ที่วิ่งไปวิ่งมา วนไปวนมา เหอๆ] เจอ จนท. ถามอีกแล้วว่า "มาติดต่ออะไรครับ" กรำ กรูมาเที่ยวนะเฟร้ยยย เค้าคงแบบแปลกว่า นี่มันมาเที่ยวกันช่วงนี้เหรอ แล้วมากันสองคนนี่นะ หึหึ

เหมือนเดิมค่ะ ใช้สิทธิ์ที่มากันตอนไม่มีใคร แล้วมากันน้อยๆ นี่แหละ ตระเวณทั่วไปหมด สนุกดี ^^

             ตอนกลับลงมา เพิ่งโทรไปจองตั๋วรถกลับกรุงเทพฯ ณ ตอน 11 โมง ตอนขาลงมานี่ไวมาก จำได้ว่าขาขึ้นไปนี่ประมาณ 5 ชั่วโมง แต่ตอนกลับลงมานี่ 2 ชั่วโมงกว่าๆ เอง - โทรไปจองตั๋วรถ เหลือ 2 ที่พอดี โชคดีสุดๆ แต่เค้าให้ไปรับตั๋วก่อนเที่ยง [11.30 มันยังอยู่ในป่าอยู่เล้ยย] แต่ก็ไปทันค่ะ มีเวลากินข้าว เดินเล่นในตัวเมืองแม่ฮ่องสอนได้อีกซักพัก เดินจนหลง ยังโบกรถตำรวจไปส่งที่บริษัทรถทัวร์ได้อีก ๕๕๕๕

             นี่เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เราไปเที่ยวโดยไม่ได้วางแผนอะไรล่วงหน้าเลย - เหมือนอารมณ์เวลาเราเห็นใครไปเที่ยวที่ไหน แล้วถ่ายรูปสวยๆ มาอวด มาโพสต์กันนี่ เราก็จะอยากเจริญรอยตามใช่มั้ยคะ อยากไปบ้าง อยากถ่ายได้แบบนั้นบ้าง - แบบนั้นแหละค่ะ พอมีเวลาว่าง เราเลยต้องหาเวลาออกไปไหนทุกที ถ้าไม่มีเวลาคิด ก็ไปตามรูปที่เราห็นละกัน - เหมือนที่ไปปางอุ๋ง เพื่อไปเจอไอ่กระท่อมนั่นแหละ ( - -)'' แต่ทำไมถ่ายออกมาไม่งามเหมือนชาวบ้านฟร่ะ - ไม่ว่ามันจะออกมาแบบราบรื่น มีอุปสรรคแค่ไหน แต่สุดท้ายมันกลับเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ และภาคภูมิใจครั้งนึง ๕๕๕๕

ไปแอ่ว[เที่ยว]เมืองปาย หน้าฝน

ยิ่งช่วงนี้หน้าฝน ฝนตกๆ คนมักจะไม่ค่อยชอบไปไหนกัน เพราะกลัวฝนตก จะเที่ยวไม่สนุก เลยทำให้คิดถึงบรรยากาศตอนเที่ยวช่วงนี้ แล้วมันได้บรรยากาศมาก ๆ อยู่ที่นึง ซึ่งก็คือ "ปาย กับปางอุ๋ง"

ทริป "ปายช่วงหน้าฝน" ครั้งนั้น เป็นอีกทริปที่ประทับใจมาก ๆ ซิ่งมาก ๆ คุยโม้ได้ยาวนานมากที่สุด อิอิ

ปกติคนทั่วไปเค้าจะชอบเที่ยว หรืออาจจะเรียกว่าค่านิยมก็ได้ ว่า"ปาย"เนี่ย ต้องไปหน้าหนาว ไปสัมผัสบรรยกาศหนาวๆ โรแมนติกๆ - แต่ใครจะรู้ว่า "ปาย" ช่วงหน้าฝนนี่ โรแมนติกไม่แพ้ใคร ^^ [อ่าว ได้ข่าวว่าไม่เคยไปหน้าหนาวนิแก เหอๆ - เหอะๆ เอาน่า]

ทริปนี้ออกเดินทางกันสองคน ไปแทบไม่มีจุดหมายค่ะ ตัดสินใจแบบด่วนๆ เดินทางแบบด่วนๆ ที่พัก เดินทางไปหาเอาดาบหน้าทุกอย่าง - ขนาดจะออกจากกรุงเทพ เกือบตกรถทัวร์แน่ะ ไปถึงท่ารถ ต้องวิ่งหอบไปดักหน้ารถทัวร์เลยทีเดียว ขึ้นรถได้แทบต้องยกมือไหว้ เหอๆ

ไปถึงเชียงใหม่ตอนเช้า เราก็ไปหารถไปปายกันที่ท่ารถที่ชม. นั่นแหละค่ะ มีแบบรถตู้ กับรถส้ม - เราเลือกนั่งรถทัวร์สีส้ม สภาพแบบว่า มันจะขึ้นเขารอดมั้ยเนี่ย เหอๆ - เพราะเราไม่รีบ แต่เราอยากได้บรรยากาศ - สมใจเลยค่ะ ชาวเขาทั้งรถ แบกกระสอบผักแบบจะเกยหัวกันเลย 

เก้าอี้นั่งก็เบาะขาด พนักพิงก็พังทะลุไปชนเข่าคนข้างหลัง - นั่งไปก็ฮาไป ได้บรรยากาศสมใจ - กว่าจะถึง"ปาย"ก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกันแฮะ แต่หนุกดี ^^

มาถึง"ปาย" แล้วสิ่งแรกที่เราทำก็คือ หาที่เช่ารถมอไซค์ก่อนค่ะ พอได้มอไซค์ก็เลือกหาที่พักเลย - เนื่องจากเป็นฤดูฝน นักท่องเที่ยวเลยไม่มีเลยยย ปายเงียบมากก รีสอร์ทว่างแทบจะทุกที่ เลือกพักได้ตามสบายเลย ราคาสบายกระเป๋าด้วย

วันแรกฝนตกแบบปรอยๆ นิดนึงค่ะ แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคมาก - ฝนตกไม่หนัก เราก็ถึงไหนถึงกันอยู่แล้ว - กางแผนที่ปุ๊บ ไปทางนี้ๆๆ ที่พักมีเน็ตให้เล่นฟรี ก็ search เลยคับ "มาปายเนี่ย เค้าต้องไปไหนกันบ้าง" [เพิ่งมาคิดเอาตอนถึงปายนี่แหละค่ะ เหอๆ] - จุดหมายแรกคือ "วัดน้ำฮู" ต่อด้วย "น้ำตกหมอแปง" และ "หมู่บ้านชาวจีน" พอละ สำหรับวันนี้

วันแรกเราก็ชิวๆ ค่ะ ขับตระเวนไปเรื่อย หาที่กิน ที่เที่ยว แล้วก็กิน แล้วก็กลับมานอนน กลางคืนนอนอ่านหนังสือ กระดกเบียร์หน้าบ้าน - อ้อ ลืมบอกไปว่า คืนแรกเราเลือกนอนรีสอร์ทริมแม่น้ำปายค่ะ [ส่วนชื่อรีสอร์ทไรฟร่ะ จำไม่ได้ ( - -)'] - เราตัดสินใจอยู่ปายกันสามวัน สองคืน - เพราะฉะนั้นคืนที่สอง เราเลยเลือกที่จะเปลี่ยนที่นอนกันดีกว่า

ไหนๆ ก็ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว เลือกรีสอร์ทตามชอบได้เลย - ดังนั้นวันที่สอง เราเลยแบกเป้ออกจากที่พักคืนแรก ขี่มอไซค์คู่ชีพตระเวณรอบปาย เพื่อหาที่พักที่ถูกใจที่สุด ^^  

บรรยากาศรอบนอกเมืองปาย จะมีทุ่งนาเขียวๆ [ย้ำว่าเขียวมากกก สวยมากด้วย สดชื่นนนน] ไปตลอดทาง - โชคดีที่วันที่สองของเราอากาศเป็นใจ ฝนไม่ตกเลยค่ะ อากาศเลยดีมาก - เที่ยวกันเพลิน แวะทุกที่ที่อยากแวะ เข้ารีสอร์ททุกที่ที่อยากเข้า

จนมาเจอที่พักที่ "ถูกเลือก" ซึ่งเป็นที่แรกที่เรามาดูกัน - วันที่สองเราพักกันในหุบเขาค่ะ วิวภูเขา [เมื่อวานริมน้ำมาแล้วนี่ วันนี้ริมเขาละกัน] รีสอร์ทน่ารักมากกก ตอนกลางคืนโรแมนติกโค่ดๆๆ และแล้วเราก็ได้เสียกันคืนนี้เป็นต้นมา เอ้ยย ม่ายช่ายยยย~

ด้วยความที่ตื่นมา อยากเห็นหมอกอยู่ริมเขาเลย เราเลยเลือกนอนแบบ Open Air ไม่ปิดประตูมันเลย อิอิ - ตื่นมาตอนเช้า อากาศสดชื่นมากกกกกกกก ทุ่งนา ภูเขาเขียวๆ มีหมอคลอเคลียอยู่บนยอดเขา หายใจแบบเต็มปอดเลย - ชื่นชมสัมผัสกับบรรยากาศเมืองปายยามหน้าฝนกันสมใจเลยย
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
เพราะฉะนั้น - อยากไปไหน ไปโลดค่ะ อย่าไปกังวลกับสภาพอากาศให้มาก
ไม่ว่าเราจะไปที่ไหน เจอสภาพอากาศยังไง ถ้าเรายินดีรับกับมัน
ทุกที่ ทุกทริป ก็มักจะได้อะไรดีๆ กลับมาเสมอ ~